ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมิน 4 แนวทางโหวตนายกรัฐมนตรี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทย ว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในอีก 2 วันข้างหน้า เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะชี้วัดเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง
โดยนางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย บอกว่า กรณีแรก หากการโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นไปอย่างราบรื่น จะมีแรงส่งต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ค่อนข้างมาก ยิ่งหากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว การเบิกจ่ายงบประมาณก็จะมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และ นักลงทุน
สื่อนอกประเมินสื่อไทย หลังได้รัฐบาลใหม่จะมีเสรีภาพสื่อมากขึ้น?
จับตา 3 ประเด็นสำคัญ เลือกตั้ง 2566 กระทบทิศทางตลาดหุ้น
กรณีที่สอง หากการโหวตยืดเยื้อไม่จบ เกิดการชุมนุมประท้วง ม็อบลงถนน การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากที่คาดการณ์ว่าปีนี้จีดีพีจะโต 3.7 % ถูกปรับลดลงมาเหลือเพียง 2-2.5 % เท่านั้น
กรณีที่สาม หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และต้องมีรัฐบาลรักษาการลากยาวไปอีก 3 เดือน หรือ รักษาการไปจนถึงไตรมาส 3 จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ และ การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกระทบต่อความความเชื่อมั่นของต่างชาติลดลง
กรณีสุดท้าย หากนายพิธา เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้วต้องเสนอชื่อบุคคลอื่น ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หรือใครก็ตาม เชื่อว่าน่าจะยอมรับได้ เพราะถือว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งคำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ